วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

❀ มาร์โค โปโล ( Marco Polo )

     มาร์โค โปโล เำกิดเมื่อปี 1254 ที่เมืองเวนิส บิดาชื่อ นิโคโล โปโล ตอนที่มาร์โค โปโลเกิด พ่อและอา มัฟเฟโอ โปโล ได้ออกเดินทางไปค้าขายในแถบคาบสมุทรไครเมียร์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศยูเครนในปัจจุบัน และเป็นช่วงที่อยู่ในเขตอิทธิพลของมองโกลที่กำลังแผ่อำนาจจากเอเชียกลางมายังทวีปยุโีรป ในปี 1260 ได้เกิดสงครามระหว่างหลานของเจงกีสข่าน ทำให้พ่อและอาของมาร์โค โปโลต้องเดินทางหลบสงครามไปที่เมืองบูคารา ประเทศอุซเบกิซสถาน ณ ที่นั้น พ่อและอาของมาร์โค โปโลได้พบกับฑูตของกุบไลข่าน ซึ่งได้ชักชวนบุคคลทั้งสองเดินทางไปเข้าพบกุบไลข่าน เพราะกุบไลข่านเป็นผู้ที่สนใจเรื่องราวความเชื่อของชาวยุโรปมาก จึงขอให้นิโคโล โปโลและน้องชายเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อเข้าพบพระสันตปาปา และขอให่้ส่งผู้มีความรู้ 100 คน และน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ในนครเยรูซาเลมกลับมาถวายพระองค์ เมื่อทั้งสองเดินทางกลับถึงบ้านเกิดที่เมืองเวนิสในปี 1269 มาร์โค โปโลมีอายุได้ 15 ปี แต่มารดาของมาร์โค โปโลได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ในปี 1271 เมื่อมาร์โค โปโล อายุ 17 ปี ได้ขอเดินทางติดตามบิดาและอากลับไปประเทศจีน พร้อมกับพระราชสาส์นจากพระสันตปาปาเกร็กกอรี่ ที่ 10 น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วยพระ 2 รูป

มาร์โค โปโล



    ครอบครัวโปโลทั้ง 3 คนออกเดินทางจากนครเยรูซาเลมในปี 1272 ใช้เวลาเดินทางนานถึง 3 ปีครึ่งจึงเดินทางถึงเมืองชางตู การเดินทางบกในครั้งนี้ครอบครัวโปโลได้เดินทางผ่านดินแดนต่างๆ มากมาย เช่น อนาโตเลีย คอเคซัส ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ผ่านที่ราบสูงพาเมียร์ ซึ่งมีความสูง 5,000 เมตร และเดินทางข้ามทะเลทรายโกบี จนในที่สุดครอบครัวโปโลก็เดินทางถึงประเทศจีน ซึ่งมาร์โค โปโล เรียกว่า "คาเธย์" รวมระยะทางข้ามทวีปกว่า 5,600 ไมล์


    ในปี 1275 มาร์โค โปโลได้เข้าเฝ้ากุบไลข่าน กุบไลข่านทรงเอ็นดูมาร์โค โปโลเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนั้นมาร์โค โปโล มีอายุ 21 ปี ทำให้มาร์โค โปโล ได้มีโอกาสเข้าทำงานรับใช้กุบไลข่านนานถึง 17 ปี ครอบครัวโปโลก็เริ่มวิตกกังวลถึงอนาคตของพวกตน เนื่องจากกุบไลข่านทรงชราภาพมากขึ้นแล้ว จึงเข้ากราบทูลกุบไลข่านขออนุญาติกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด แต่กุบไลข่านไม่ยอม จนในปี 1292 พระชายาของอาร์กุนข่านได้สิ้นพระชนม์ อาร์กุนข่านจึงได้ส่งฑูตมาขอให้กุบไลข่านส่งเจ้าหญิงแห่งมองโกลไปเป็นพระชายาองค์ใหม่ ครอบครัวโปโลจึงขออาสาพาเจ้าหญิงโคคาชิน ไปถวายแก่อาร์กุนข่าน กุบไลข่านจึงจำใจต้องอนุญาติ


     การเดินทางในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางเรือ เดินทางผ่านเกาะญี่ปุ่น อาณาจักรจามปา เำกาะสุมาตรา เกาะนิโคบาร์ เกาะลังกา เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย การเดินทางในครั้่งนี้ใช้เวลาเดินทางนานถึง 2 ปี ผู้โดยสารกว่า 600 คนเหลือชีวิตรอดเพียง 18 คน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ พายุ และการปล้นของโจรสลัด เมื่อเดินทางถึงก็ได้ทราบว่าอาร์กุนข่านสิ้นพระชนม์แล้ว เจ้าหญิงโคคาชินจึงได้สมรสกับโอรสของอาร์กุนข่านแทน ในปี 1294 เมื่อกุบไลข่านสิ้นพระชนม์ อาณาจักรมองโกลเริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว และในปี 1368 มองโกลก็ได้ถูกขับออกจากประเทศจีน


    ในปี 1295 จากการเดินทางรอนแรมทั้งทางบกและทางทะเลเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี ครอบครัวโปโลก็เดินทางถึงบ้านเกิดเมืองเวนิส ในขณะนั้นมาร์โค โปโล มีอายุได้ 41 ปี หลังจากกลับถึงบ้านได้ไม่นาน มาร์โค โปโล ก็ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมในสงครามระหว่างเมืองเวนิสและเมืองเจนัว จนทำให้มาร์โค โปโล ถูกจับเป็นเชลยศึกในคุกของเมืองเจนัวเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ณ ที่นี้เอง มาร์โค โปโล ได้พบกับนักเขียนชาวเมืองปิซา ชื่อ Rustichello มาร์โค โปโล ได้เล่าเรื่องราวการเดินทาง และการใช้ชีวิตในประเทศจีนให้ฟัง และได้บันทึกเป็นหนังสือชื่อ "คำอธิบายเกี่ยวกับโลก" หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า "การเดินทางของมาร์โค โปโล"  ในราวปี 1299 มาร์โค โปโลได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นนักโทษ และมาร์โค โปโลได้ถึงแก่กรรมในปี 1324 สิริรวมอายุได้ 70 ปี


      นอกจากนี้มาร์โค โปโลนักเดินทางชาวอิตาลี ได้เป็นชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางผ่านเส้นทางสายไหมทางทะเลไปถึงประเทศจีน และในตอนกลับประเทศเขาก็ได้ลงเรือที่เมืองเฉวียนโจวของมณฑลฮกเกี้ยนของจีนกลับถึงเวนิสซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา เส้นทางสายไหมทางทะเลได้เชื่อมจีนกับประเทศอารยธรรมที่สำคัญและแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมของโลก ได้ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในเขตเหล่านี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "เส้นทางแลกเปลี่ยนระหว่างตะวันออกกับตะวันตก"




อ้างอิง :  
http://www.midnightuniv.org/midnightuniv/AAA1.htm
http://www.bloggang.com
http://203.114.105.84/virtual/Physicals/sci19/www.jstp.org/talk8.htm
http://pinkmaya.mysquare.in.th

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

❀ ความรู้เบื้องต้นด้านการขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว

     การท่องเที่ยวเป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยประจำไปยังแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมธรรมชาติ และคุณค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งต้องอาศัยยานพาหนะในการขนส่งไปยังแหล่งท่องเที่ยวนั้นตามความต้องการ

ความหมายของการขนส่งทั่วไป
     พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 กล่าวไว้ว่า
การขน คือ การนำของมาก ๆ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
การส่ง คือ การยื่นให้ถึงมือ พาไปให้ถึงที่
ดั้งนั้น การขนส่ง จึงหมายถึง การนำไปและการนำมาซึ่งของมาก ๆ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

     พระราชบัญญัติการขนส่ง 2497 มาตรา 4
การขนส่งหมายถึง การลำเลียง หรือการเคลื่อนย้ายบุคคล หรือสิ่งของด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งหมายถึงยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งรวมทั้งเครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ

ลักษณะของการขนส่งทั่วไป
ถ้าเป็นการขนส่งคน เรียกว่า การขนส่งผู้โดยสาร
ถ้าเป็นการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ เรียกว่า การขนส่งสินค้า



ความหมายของการขนส่งผู้โดยสาร
     คือกา่รจัดให้มีการเคลื่อนย้ายบุคคล ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การขนส่งจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ตามความประสงค์ของบุคคลนั้น ๆ

ความสัมพันธ์ 6 ประการ ระหว่างการขนส่งผู้โดยสารกับการท่องเที่ยว
1. การขนส่งผู้โดยสารทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไป-กลับจากแหล่งท่องเที่ยวได้

2. การขนส่งผู้โดยสารทำให้เกิดการบริการที่สะดวกสบาย ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว เช่น ที่พัก แหล่งบันเทิง

3. การขนส่งผู้โดยสารกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

4. การขนส่งผู้โดยสารเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

5. การขนส่งผู้โดยสารเป็นโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

6. การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกระตุ้นการพัฒนาการขนส่งผู้โดยสาร เช่น มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต มีความต้องการใชับริการขนส่งมากขึ้น


เครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร
     คือเสันทางภาคพื้นดิน พื้นน้ำและอากาศพาหนะสามารถใช้สัญจร รวมถึงสถานีรถไฟ สถานีรถทัวร์ ท่าเรือ และท่าอากาศยานที่ผู้โดยสารเริ่มเดินทางท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ตลอดจนการโยงใยให้เส้นทางต่างๆ เชื่อมต่อกัน

ศักยภาพของเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร มีส่วนทำให้เพิ่มหรือลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยว ฉะนั้นแหล่งท่องเที่ยวต้องมีเครือข่ายและมาตรฐานในการรองรับ เช่น ถนนกว้าง มีป้ายสื่อความหมาย และมีที่จอดรถเพียงพอ ส่วนเครือข่ายทางอากาศและทางเรือ ต้องใช้เสันทางการบินที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ดังนั้น ถนน รางรถไฟ ร่องน้ำและเสันทางบิน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครือข่ายการขนส่งผู้โดยสาร


ลักษณะของการขนส่งผู้โดยสาร 
มีองค์ประกอบ 3 ประการคือ
  • เป็นกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายบุคคลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
  • เป็นกิจกรรมที่ต้องกระทำด้วยอุปกรณ์การขนส่งต่างๆ
  • เป็นการเคลื่อนย้ายตามความประสงค์ของบุคคล
การขนส่งผู้โดยสาร เปรียบเสมือนกับสะพานที่เชื่อมการเดินทางของบุคคลจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของผู้เดินทาง เพื่อให้เกิดอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่


ความสำคัญของการขนส่งผู้โดยสารต่อการพัฒนาประเทศ
     การขนส่งเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ทำให้เกิดการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ดังนี้
     ด้านเศรษฐกิจ ทำให้นักธุรกิจสามารถเดินทางไป มา เพื่อติดต่อค้าขายได้ เช่น การร่วมงานมหกรรมการแสดงสินค้า ซึ่งก่อให้การค้าขาย เป็นกุญแจดอกสำคัญเปิดทางให้ประเทศชาติบรรลุถึงการพัฒนาและความมั่งคั่ง นอกจากนี้ การขนส่งยังทำให้เกิดการลงทุนทางตรง คือ เพื่อแสวงหาผลกำไร และทางอ้อม คือ การขนย้ายนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุน


      ด้านสังคม  เกิดการขยายตัวของเมือง การเดินทางสะดวกสบายขึ้น มีมาตรฐานและค่าครองชีพดีขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ลดการแบ่งแยกทางสังคม ระหว่าง เมืองกับชนบท
     ด้านการเมือง  ช่วยให้เกิดความสามัคคี เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การปกครองประเทศเป็นไปด้วยดี ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในชาติ

     ด้านการทหาร การส่งทหารไปปราบปราม สนับสนุนการป้องกันประเทศ ทำให้เกิดความมั่นคง


ปัญหาของการขนส่งผู้โดยสาร
     - ก่อให้เกิดอากาศเป็นพิษ
     - ก่อให้เกิดน้ำเป็นพิษ เช่น น้ำมันรั่วไหลลงแม่น้ำ จึงต้องมีการควบคุม การป้องกันและการแก้ไข
     
     - ก่อให้เกิดเสียงรบกวน อุปกรณ์การขนส่งอาจทำให้เกิดเสียงดังอึกทึก
     - ก่อให้เกิดการจราจรติดขัด ซึ่งเกิดจากขนาดผังเมือง อุปกรณ์การขนส่ง
     
     - ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะการขาดความระมัดระวัง ขาดความรอบรู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
     - ก่อใ้ห้เกิดอุปสรรคต่อการลงทุน ต้องตอบแทนบุคลากรทางด้านธุรกิจขนส่ง 


การบริการการขนส่งผู้โดยสารมี 3 รูปแบบ คือ  
1. การให้บริการขนส่งผู้โดยสารในตัวเมือง 
ความพยายามในการขนส่งผู้โดยสารในชุมชน ซึ่งอาจเป็นเทศบาลเมืองต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม

2. การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง
ความพยายามในการจัดการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมือง  
ให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม

3. การให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ
ความพยายามในการขนส่งผู้โดยสารใ้ห้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการขนส่งทางเครื่องบิน 90 % ทางเรือ ทางบกรถยนต์ และทางรถไฟน้อยที่สุด


ประเภทของการขนส่งผู้โดยสาร มี 4 ประเภท คือ
  • การขนส่งด้วยรถยนต์
  • การขนส่งด้วยรถไฟ
  • การขนส่งด้วยเรือ
  • การขนส่งด้วยเครื่องบิน
 
     ดังนั้น การขนส่งผู้โดยสารช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวอย่างสะดวก เกิดการลงทุนทางด้านการท่องเที่ยว ช่วยสร้างรายได้ในท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับกระบวนการขนส่ง



อ้างอิงที่มา:

http://logistics.arch56.com/?p=108
http://www.phrae.mju.ac.th/faculty/Eco-tourism/guide2/airline/Business.html
http://www.itbsthai.com/knowledge_detail.php?LID=1&ID=1